กั้ง! สัตว์น้ำที่น่าดึงดูดด้วยเปลือกแข็งและการเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว
กั้งเป็นสัตว์ที่มีเปลือกแข็งสีน้ำตาลเข้มหรือเทาแกมเขียว อาศัยอยู่ตามพื้นโคลนและหินในน้ำเค็มและน้ำกร่อย โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเลและอ่าวต่างๆ กั้งมีลำตัวแบนข้าง หัวยาว ปากที่อยู่ด้านล่าง และขาทั้งหมดสิบขา ซึ่งช่วยให้เคลื่อนไหวไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว
ลักษณะเด่นของกั้ง
- เปลือกแข็ง: เปลือกของกั้งทำจากคาร์ไคติน ซึ่งเป็นสารเดียวกันกับที่พบในเปลือกของกุ้งและปู ทำให้กั้งทนทานต่อการถูกโจมตีจากผู้ล่า
- ขาทั้งสิบขา: กั้งมีขาเดินห้าคู่ และขาสำหรับจับอาหารอีกสองคู่ ขาเดินช่วยให้กั้งเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างคล่องแคล่วในพื้นที่แคบ ขณะที่ขาสำหรับจับอาหารมีลักษณะเหมือนกรรไกร ทำหน้าที่จับและบดอาหาร
- หนวดสั้น: กั้งมีหนวดสั้นสองคู่ ที่ใช้ในการสัมผัสและรับรู้สิ่งแวดล้อม
ร่างกายของกั้ง:
ส่วน | บทบาท |
---|---|
เปลือกแข็ง | ปกป้องร่างกายจากผู้ล่า |
ลำตัว | เป็นที่อยู่ของอวัยวะภายใน |
ขาทั้งสิบขา | ช่วยในการเคลื่อนไหวและจับอาหาร |
หนวดสั้น | ใช้ในการสัมผัสและรับรู้สิ่งแวดล้อม |
วัฏจักรชีวิตของกั้ง
- กั้งวางไข่เป็นจำนวนมากในน้ำ อ่อนโยนมากโดยมีขนาดเล็กและไม่มีเปลือกแข็ง
- ตัวอ่อนจะลอยตัวอยู่ในกระแสน้ำ จนกระทั่งโตพอที่จะ métamorphose เป็นกั้งตัวเต็มวัย
- กั้งตัวเต็มวัยจะอาศัยอยู่ตามพื้นโคลนและหินในน้ำเค็มและน้ำกร่อย
พฤติกรรมการกินของกั้ง
กั้งเป็นสัตว์ที่กินทุกอย่าง (omnivore) ซึ่งหมายความว่ามันกินทั้งพืชและสัตว์
- อาหารของกั้ง: กั้งจะกินสาหร่าย, อินทรีย์วัตถุที่เน่าเปื่อย, สา Kaluga , แพลงค์ตอน และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก
- การจับอาหาร: กั้งใช้ขาสำหรับจับอาหารที่อยู่ด้านหน้าของมัน ซึ่งมีลักษณะเหมือนกรรไกร เพื่อจับและบดอาหาร
การป้องกันตัว
กั้งมีกลยุทธ์ในการป้องกันตัวที่น่าสนใจ:
- หลบซ่อน: กั้งมักจะหลบซ่อนอยู่ในพื้นโคลนหรือหินเพื่อหลีกเลี่ยงผู้ล่า
- การปล่อยลำดับของสารเคมี: เมื่อถูกคุกคาม กั้งบางชนิดสามารถปล่อยสารเคมีที่มีกลิ่นเหม็นออกมา เพื่อขับไล่ผู้ล่า
ความสำคัญทางนิเวศวิทยา
กั้งเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของระบบนิเวศชายฝั่งทะเล โดยทำหน้าที่ในการควบคุมประชากรของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก และช่วยในการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ
กั้งและมนุษย์
กั้งเป็นอาหารทะเลที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ ซึ่งมักจะถูกปรุงเป็นอาหารหลากหลายเมนู